ประกัน PA มาจากคำว่า การประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล หรือ Personal Accident Insurance (ในกลุ่มธุรกิจประกันภัย เรียกกันสั้นๆ ว่า ประกัน PA) คือ กรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล ที่ใช้สำหรับการประกันภัยเฉพาะบุคคลคนเดียวเท่านั้น ทั้งนี้ การประกันอุบัติเหตุ ยังมีอีก 2 แบบ คือ การประกันแบบกลุ่ม เช่น กลุ่มพนักงานบริษัทเอกชน กลุ่มสมาคมครูผู้ปกครอง หรือการทำประกันภัยให้กลับสมาชิกในกลุ่มที่มีมาก่อนแล้ว ไม่ใช่การตั้งกลุ่มขึ้นมาเพื่อทำประกันกลุ่มโดยเฉพาะ และ การประกันภัยแบบนักเรียน นิสิตนักศึกษา ที่จัดทำให้โดยสถาบันการศึกษานั้น ๆ
การคำนวณค่าเบี้ยประกันภัยอุบัติเหตุ ซึ่งรวมถึงค่าเบี้ยประกันส่วนบุคคล หรือ ประกัน PA, ค่าเบี้ยประกันกลุ่ม และค่าเบี้ยประกันนักเรียน นิสิตนักศึกษา ด้วย ซึ่งจะขึ้นอยู่กับปัจจัย ดังต่อไปนี้
การทำประกันภัยแบบกลุ่มจะถูกกว่าการทำประกันภัยรายบุคคล หรือประกัน PA โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากกลุ่มคนมีจำนวนมากเบี้ยประกันภัยก็จะยิ่งต่ำลง เช่น จำนวนคน 20 – 49 คน จะได้ลดเบี้ยประกันภัย 10 % จำนวนคน 200 – 999 คน ได้ลดเบี้ยประกันภัย 25 % เป็นต้น
สำหรับการประกันภัยกลุ่มนักเรียน นิสิต นักศึกษานั้นเบี้ยประกันภัยจะต่ำกว่ากลุ่มบุคคลทั่วไปแต่ทั้งนี้เบี้ยประกันภัย จะแตกต่างกันตามระดับการศึกษาด้วย โดยการศึกษาระดับอนุบาลและประถม เบี้ยประกันภัยจะต่ำสุด สูงขึ้นมาคือระดับมัธยม ต่อมาคือระดับอุดมศึกษา และสายอาชีพจะมีเบี้ยประกันภัยสูงสุดสำหรับในการประกันภัยกลุ่มนักเรียน
การแบ่งชั้นอาชีพในการรับประกันภัยจะแบ่งเป็น 4 ชั้น ได้แก่
อาชีพชั้น 1 ส่วนใหญ่ทำงานประจำในสำนักงาน
อาชีพชั้น 2 ปฏิบัติงานที่ใช้วิชาชีพที่ต้องทำงานกลางแจ้งตลอดเวลา
อาชีพชั้น 3 ปฏิบัติงานด้านช่าง กระบวนการผลิต ที่มีการใช้เครื่องจักรกลหนัก ผู้ใช้แรงงาน การเดินทาง หรือทำงานนอกสำนักงานเป็นประจำ
อาชีพชั้น 4 อาชีพพิเศษที่มีความเสี่ยงสูงมากกว่าชั้นอื่น ๆ เป็นพิเศษ เช่น นักแสดงผาดโผน
ในการแบ่งชั้นอาชีพดังที่กล่าวมาแล้ว อาชีพชั้น 1 จะเป็นชั้นอาชีพที่มีความเสี่ยงภัยต่ำที่สุด เบี้ยประกันภัยก็จะต่ำกว่าอาชีพชั้นอื่น ๆ ในขณะที่อาชีพชั้น 4 เป็นอาชีพที่มีความเสี่ยงภัยสูงที่สุด เบี้ยประกันภัยก็จะสูงกว่าอาชีพอื่น ๆ
คนที่อายุเกินกว่า 60 ปี เบี้ยประกันภัยจะสูงกว่าคนที่อายุต่ำกว่า 60 ปี
ผู้เอาประกันภัยสามารถเลือกซื้อความคุ้มครองเฉพาะบางอย่างก็ได้ เช่น ต้องการเพียงการเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ และทุพพลภาพ โดยไม่เอาความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลก็ได้ ซึ่งแน่นอนว่าเบี้ยประกันภัยก็จะแปรตามความคุ้มครองที่ต้องการ
หากผู้เอาประกันภัยต้องการขยายความคุ้มครองไปถึงภัยที่มีการยกเว้นในกรมธรรม์ประกันภัยได้แก่ การขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์ การเล่นหรือแข่งกีฬาอันตราย การโดยสารเฮลิคอปเตอร์ การจลาจล/นัดหยุดงาน สงคราม ด้วยแล้วเบี้ยประกันภัยก็จะเพิ่มสูงขึ้น
เบี้ยประกันภัยจะผันแปรตามจำนวนเงินเอาประกันภัยด้วย ดังนั้น ในกรณีการซื้อผลประโยชน์ค่ารักษาพยาบาล ต้องกำหนดจำนวนเงินเอาประกันภัย ให้เหมาะสม หากซื้อไว้มากเกินความจำเป็นก็จะเป็นการจ่ายเบี้ยประกันภัยโดยไม่จำเป็น
หากผู้เอาประกันภัยยินยอมรับความเสียหายส่วนแรกเองบางส่วนในกรณีของค่ารักษาพยาบาล เบี้ยประกันภัยก็จะต่ำลง หากผู้เอาประกันภัยยินยอมให้บริษัทงดจ่ายผลประโยชน์ กรณีการทุพพลภาพชั่วคราวในช่วงสัปดาห์แรก ๆ เบี้ยประกันภัยก็จะต่ำลง
กรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล หรือ ประกัน PA ของแต่ละบริษัทเป็นมาตรฐานเดียวกัน หรือไม่มีหลักการในการพิจารณาเลือกซื้ออย่างไร
กรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล หรือ ประกัน PA เป็นมาตรฐานเหมือนกันทุกบริษัท แต่ทั้งนี้ อัตราเบี้ยประกันภัยที่บริษัทใช้มีความแตกต่างกัน ดังนั้นผู้ที่ต้องการซื้อประกันภัย ต้องพิจารณาในด้านต่าง ๆ ดังนี้
หากเกิดภัยขึ้นตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ผู้เอาประกันภัยควรปฏิบัติเช่นไร จึงจะมีสิทธิ์ในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน
เมื่อผู้เอาประกันภัยประสบอุบัติเหตุต้องแจ้งให้บริษัทประกันภัยทราบโดยทันที และนำหลักฐานอาทิเช่น ใบเสร็จแสดงรายการค่ารักษาพยาบาล รายงานของแพทย์ ใบแจ้งความ ใบมรณะบัตร เป็นต้น ส่งมอบให้บริษัทประกันภัย
(7.12.2560)