การประกันชีวิตแบบกลุ่ม หรือประกันกลุ่ม หมายถึงการทำประกันชีวิตบุคคลหลายๆ คนภายในกรมธรรม์ประกันภัยฉบับเดียวโดยพิจารณาถึงความเสี่ยงภัยของบุคคลในกลุ่มทั้งหมดด้วยอัตราเฉลี่ย ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ หน้าที่การงาน หรือจำนวนเงินเอาประกัน ซึ่งคำนวณเป็นอัตราเบี้ยประกันเพียงอัตราเดียว เพื่อใช้กับบุคคลในกลุ่มนั้นๆ
ด้วยหลักเกณฑ์ดังกล่าวข้างต้น ทำให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการลดลง จึงมีผลทำให้เบี้ยประกันภัยต่ำกว่าการประกันชีวิตรายบุคคล
สำหรับนายจ้าง หรือองค์กร
สำหรับลูกจ้าง
การประกันชิวิตกลุ่มเป็นการประกันภัยที่มีผู้เอาประกันหลายคนในองค์กร โดยเจ้าขององค์กรเป็นผู้ชำระเบี้ยประกันภัยให้แก่พนักงาน ซึ่งอาจจะช่วยจ่ายทั้งหมด หรือบางส่วนก็ได้ ดังนั้น กรมธรรม์ประกันชิวิตกลุ่มจะออกให้กับองค์กรนั้นๆ เพียงฉบับเดียว พร้อมแนบรายชื่อพนักงาน หรือสมาชิกที่ได้รับความคุ้มครองไว้เป็นหลักฐาน
เนื่องจากเป็นการประกันกลุ่ม บริษัทจะพิจารณาจากจำนวนเงินเอาประกันภัย อายุ เพศ หน้าที่การงานของบุคคลในกลุ่ม โดยจะคำนวณเฉลี่ยออกมาเป็นเบี้ยประกันภัยเพียงอัตราเดียว และจะมีการพิจารณาใหม่ทุกๆ ปีรอบกรมธรรม์
โดยทั่วไปการประกันกลุ่มจะไม่มีการตรวจสุขภาพ เนื่องจากจำนวนเงินเอาประกันไม่สูง และอยู่ในเกณฑ์ที่บริษัทผู้รับประกันภัยกำหนด
ผู้ขอเอาประกันภัยสามารถทำประกันกลุ่มในลักษณะมีเงินคืนตามประสบการณ์ได้ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของบริษัทผู้รับประกันภัย โดยอัตราเบี้ยประกันภัยจะสูงกว่าแบบทั่วไป ในกรณีที่องค์กรนั้นๆ มีประวัติการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนไม่เกินกว่าเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในรอบปีกรมธรรม์ประกันภัย บริษัทจะคืนเงินบางส่วนให้แก่ผู้ถือกรมธรรม์ประกันภัย หรือนำไปหักจากเบี้ยประกันภัยในปีต่อไป โดยเงื่อนไขจะต้องต่ออายุกรมธรรม์การประกันกับบริษัทผู้รับประกันภัยเดิม
ประเภทของกลุ่ม : เป็นองค์กรภาครัฐหรือเอกชน และเอกชนที่มีสภาพเป็นนิติบุคคล เช่น บริษัทหรือห้างร้าน กลุ่มสหกรณ์ สหภาพแรงงาน (ทำให้สมาชิก) ธนาคาร บริษัทเงินทุน บริษัทขายสินค้าผ่อนส่ง หรือนิติบุคคลอื่นๆ นอกจากกลุ่มต่างๆ ดังกล่าวแล้ว โรงเรียน มหาวิทยาลัย สมาคมครู สมาคมผู้ประกอบการอิสระ สโมสร ยังสามารทำประกันกลุ่มได้ด้วย
ขนาดของกลุ่ม : การทำประกันกลุ่ม โดยทั่วไป จะต้องมีจำนวนผู้เอาประกันไม่ต่ำกว่า 5 คน จึงจะสามารถทำประกันกลุ่มได้ โดยจำนวนสมาชิกที่เข้าร่วมความคุ้มครองนั้น จะถูกแบ่งออกเป็น 3 กรณี
ผลประโยชน์ของการทำประกันกลุ่ม
โดยทั่วไป จะมีการกำหนดผลประโยชน์ 5 วิธี ดังนี้
ทั้งนี้ รายละเอียดเกี่ยวกับความคุ้มครองและผลประโยชน์ที่จะได้รับ ก็ขึ้นอยู่กับบริษัทประกันภัย จะนำเสนอและทำการตกลงกับท่าน เพราะรายละเอียดต่างๆ ล้วนมีผลกับราคาค่าเบี้ยประกันทั้งสิ้น
(7.12.2560)