การเช็คเบี้ยประกันภัย

การเช็คเบี้ยประกันภัย

ทุกวันนี้ เมื่อเราอยู่ในยุคของสังคมออนไลน์ การเช็คเบี้ยประกันนั้น ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกต่อไป ไม่ต้องมีการนัดหมายกับตัวแทนขายประกัน ไม่ต้องมานั่งฟังตัวแทนพร่ำพรรณนา ถึงข้อดีต่างๆ นาๆ ของการซื้อประกันกับเขา เราเพียงแต่เข้า google แล้วพิมพ์ คำที่ต้องการ เช่น การเช็คเบี้ยประกัน จากนั้น ก็เลือกหาข้อมูลที่ต้องการทั้งข้อมูลของประกันที่เราต้องการ ไม่ว่าจะเป็นประกันภัยรถยนต์ ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ประกันวินาศภัย และอื่นๆ อีกมากมาย ทั้งนี้ ยังสามารถตรวจเช็คข้อมูลของบริษัทประกันภัยต่างๆ ที่เราสนใจด้วย บางครั้ง เราก็สามารถเช็ค feedback ของผู้ที่เคยใช้บริการบริษัทประกัน นั้นๆ มาก่อนได้ด้วยเช่นกัน เช่น สามารถเช็คจากเวปบอร์ด “พันทิป” และอื่นๆ อีก หลายเวปไซด์ 

 

การเลือกบริษัทประกันภัย หลังจากการเช็คเบี้ยประกัน ออนไลน์

หลังจากที่เราเช็คเบี้ยประกัน คร่าวๆ จากทางเวปไซด์ ทั้งของบริษัทประกันภัยเอง หรือจากบริษัทโบรคเกอร์ ท่านควรจะนำข้อมูลที่ได้มาเปรียบเทียบ ทั้งในเรื่องของราคา การคุ้มครอง ผลประโยชน์ที่จะได้รับ ความมั่นคงของบริษัท และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ถ้าเป็นประกันรถยนต์มีอู่บริการใกล้บ้าน หรือที่ท่านสะดวกไหม อู่นั้น บริการดีหรือไม่ หรือถ้าเป็นประกันสุขภาพ โรงพยาบาลที่บริษัทประกันมี contact กันแบบไหน เป็นแบบที่เราต้องสำรองจ่ายไปก่อน แล้วไปเบิกค่ารักษาในภายหลัง หรือสามารถแสดงบัตรประจำตัวประกันภัย แล้วทางโรงพยาบาลจัดการค่ารักษาให้เลย และโรงพยาบาลนั้น สะดวกต่อการเดินทางของผู้เอาประกันหรือไม่

ผู้เขียนลองสรุปเป็นข้อๆ เกี่ยวกับ การเลือกบริษัทประกันรถยนต์ดังนี้

  1. เบี้ยประกัน

หลังจากเช็คเบี้ยประกันแล้ว ลองพิจารณาดูว่า เบี้ยประกันที่ได้ ถูกหรือแพงกว่ากันอย่างไร และหากเป็นการต่อประกันภัยรถยนต์ ท่านก็ควรดูว่าราคาเบี้ยประกัน ถูกหรือแพงกว่าที่ท่านเคยจ่ายเมื่อปีที่ผ่านมา

  1. การบริการ

ควรจะต้องพิจารณาถึง ความมั่นคง ความน่าเชื่อถือ การให้บริการ จำนวนสาขา การบริการทั้งจากพนักงานตัวแทน และพนักงานเคลม และที่ตั้งของอู่ซ่อมบริการ เหล่านี้ มีเพียงพอกับพื้นที่ให้บริการ และเป็นของบริษัทเองหรือจ้างเหมามาอีกที รายละเอียดเกี่ยวกับบริษัท เช่น เทคโนโลยี การให้บริการ และงานด้านสินไหม

  1. การต่อประกันภัยรถยนต์กับบริษัทเดิม

หากท่านเช็คค่าเบี้ยประกันแล้ว และยังถูกใจกับการบริการของบริษัทเดิมที่ท่านใช้อยู่ ในกรณีที่ท่านมีประวัติดี คือไม่เคยมีการเคลมมาก่อนกับบริษัทนี้ ปรกติแล้ว บริษัทเดิมมักจะมีส่วนลดค่าเบี้ยประกันให้นิดหน่อย หรือแม้บางครั้ง หากท่านมีเคลมเพียงเล็กน้อย บางบริษัท ก็ยังคงถือว่าเป็นประวัติดีอยู่ดี ผู้เขียนขอแนะนำว่าท่านควรลองขอส่วนลดค่าเบี้ยประกัน ก่อนตัดสินใจทำการต่อประกันในปีถัดไป

  1. การต่อประกันรถยนต์กับบริษัทใหม่

หากท่านเคยมีการเคลมประกัน และซ่อมรถยนต์โดยใช้บริการของบริษัทประกันเดิมเรียบร้อยแล้ว และต้องการเปลี่ยนบริษัทใหม่ ส่วนใหญ่ บริษัทใหม่จะยกยอดให้ท่านเป็นผู้มีประวัติดีพร้อมมอบส่วนลดประมาณ 20% เพื่อเป็นการจูงใจลูกค้าใหม่ และหากในปีถัดไป ท่านยังคงอยู่ในรายชื่อผู้มีประวัติดี บริษัทก็มักจะมอบส่วนลดเพิ่มเป็น 30% ซึ่งจะยิ่งทำให้เบี้ยประกันถูกลงกว่าเดิมมาก 

 

(4.12.2560)

 

 



Siirry alkuun