ดอกเบี้ยบัตรเครดิต

รู้จักกับ ดอกเบี้ยบัตรเครดิต

หากจะกล่าวกันอย่างตรงไปตรงมาแล้ว “บัตรเครดิต” ก็เปรียบเสมือนการกู้เงินในอนาคตเพื่อนำมาใช้จ่ายในวันนี้ เพื่อความสะดวกสบายของผู้ใช้งาน ที่อาจมีความจำเป็นต้องจ่ายเงินก้อน หรือต้องการหมุนเงิน เพื่อให้การใช้จ่ายมีสภาพคล่องและไม่ติดขัด ดังนั้น เมื่อเกิดการกู้ยืมเงินกันขึ้น เงื่อนไขที่ตามมาอย่างแน่นอนที่สุด คือ “การชำระดอกเบี้ย” การใช้บัตรเครดิต จึงมาพร้อมกับคำว่า “ดอกเบี้ย” อยู่เสมอ เพราะนั่นหมายถึง สถาบันการเงินเจ้าของวงเงินของบัตรเครดิตนั้นๆ ออกเงินให้คุณได้ใช้จ่ายล่วงหน้า และเขาก็จะได้รับดอกเบี้ยเป็นการตอบแทนจากให้บริการนั้น

 

ดอกเบี้ยบัตรเครดิต ในปัจจุบันนี้มีความหลากหลายและแตกต่างกันไป ตามรายละเอียดและแพ็คเกจของวงเงินในบัตรเครดิตนั้นๆ แต่ละสถาบันการเงินก็มีการออกแคมเปญทางการตลาดต่างๆ เพื่อดึงดูดใจให้ลูกค้าเกิดการใช้งานบัตรของตน อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปแล้วทางธนาคารและสถาบันการเงิน จะมีวิธีการคิดดอกเบี้ยสำหรับบัตรเครดิตที่คงค้างชำระแบบเต็มจำนวน กล่าวคือ ผู้ใช้บัตรเครดิตจะได้รับกำหนดวันที่ต้องชำระหนี้ ซึ่งหากผู้ใช้บัตรเครดิตไม่ชำระหรือ ชำระไม่เต็มจำนวนหนี้ ดอกเบี้ยจะถูกคำนวณตามยอดหนี้นั้นๆ

 

ดอกเบี้ยของบัตรเครดิตจะแบ่งการคิดออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่

  1. ดอกเบี้ยบัตรเครดิตที่เป็นหนี้คงค้าง หมายถึง การคิดอัตราดอกเบี้ย 15-20% ต่อปี ของจำนวนหนี้ที่คงค้างชำระ ซึ่งจะคำนวณตั้งแต่วันที่ค้างชำระวันแรก ไปจนถึงการชำระหนี้ในรอบบิลงวดถัดไป
  2. ดอกเบี้ยบัตรเครดิตที่เป็นหนี้ทั้งหมด หมายถึง การคิดอัตราดอกเบี้ยที่ 15-20% ต่อปี ของจำนวนหนี้ทั้งหมด ซึ่งนับตั้งแต่วันที่รายการได้รับการบันทึกไปจนถึงวันสรุปยอดค่าใช้จ่าย

การใช้เงินด้วยการรูดบัตรเครดิต และไม่ได้ชำระหนี้อย่างเต็มจำนวนในวันครบกำหนดชำระ จึงถือเอาวันเริ่มต้นที่ผู้ใช้บัตรได้รูดเงินค่าสินค้าไป ในการเริ่มคำนวณค่าดอกเบี้ย ซึ่งในจุดนี้ ตามข้อมูลการวิจัยของประชาชนชาวไทยที่ใช้บัตรเครดิต รายงานว่า มีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่มีความเข้าใจผิด หรือไม่เข้าใจเกี่ยวกับดอกเบี้ยบัตรเครดิต ซึ่งส่วนนี้ถือเป็นช่องว่างที่อาจก่อให้เกิดหนี้สูญ และการติดขัดของสภาพคล่องทางการเงินได้

 

บัตรเครดิตเป็นบริการที่มีประโยชน์ไม่น้อย สำหรับยุคสังคมในปัจจุบัน เริ่มจากข้อแรกคือ ผู้ใช้บัตรไม่จำเป็นต้องพกเงินสดจำนวนมาก เพื่อนำไปใช้จ่าย นอกจากนี้ ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตจะสามารถตรวจสอบได้ถี่ถ้วนมากกว่า เมื่อเทียบกับการใช้จ่ายด้วยเงินสด เพราะเป็นการใช้จ่ายผ่านระบบอิเลคทรอนิกส์ มีการบันทึกวัน และเวลา รวมถึงรายละเอียดค่าใช้จ่าย สถานที่ และประเภทของสินค้าไว้อย่างละเอียด แต่สำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มสมัครบัตรเครดิต มีข้อพึงระวัง และข้อควรสังเกตอยู่หลายประการด้วยกัน เนื่องจากสถาบันการเงิน และธนาคารต่างๆ ต่างมีบริการนี้ขึ้น เพื่อผลกำไรทางธุรกิจ ซึ่งแน่นอนว่า ผู้รับบริการนั้นจะต้องมีการเสียดอกเบี้ยตามเงื่อนไข ยิ่งในปัจจุบันนี้ที่มีการออกแคมเปญต่างๆ มาเพื่อผลักดันการใช้งานบัตรเครดิต ทั้งการลด แลก แจก แถม และการร่วมรายการกับห้างร้านหรือสินค้าต่างๆ เพื่อมอบสิทธิพิเศษต่างๆ ทำให้ความซับซ้อนทางเงื่อนไขในการใช้บัตร ยิ่งเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ เพราะฉะนั้นจึงเป็นหน้าที่ของผู้บริโภค ที่ต้องศึกษา และทำความเข้าใจกับเงื่อนไขต่างๆ ให้เกิดความกระจ่างมากที่สุด ก่อนที่จะตัดสินใจสมัครและใช้งานบัตรเครดิต พร้อมทั้งมีวินัยในการชำระหนี้

 

ตัวช่วยที่จะทำให้ผู้บริโภคเกิดความรู้ และความเข้าใจเกี่ยวกับบัตรเครดิต และดอกเบี้ยบัตรเครดิต ได้มากขึ้น ปัจจุบันมีอยู่หลากหลายช่องทางด้วยกัน ตั้งแต่การสอบถามจากพนักงานธนาคารที่ผู้บริโภคต้องการจะสมัครบัตรเครดิต, สอบถามจากประสบการณ์จริงของผู้ที่ใช้บัตรเครดิต, ข้อมูลต่างๆ ที่ถูกแชร์ไว้ในอินเตอร์เน็ต ซึ่งมีอยู่ไม่น้อยที่ระบุข้อมูลไว้อย่างชัดเจน และมีความน่าเชื่อถือ เพียงเท่านี้ ก็จะสามารถทำให้เราได้เข้าใจ ถึงเรื่องของดอกเบี้ย การคิดคำนวณ และเงื่อนไขเบื้องต้นของการใช้ รวมทั้งการชำระหนี้บัตรเครดิตได้ โดยหลีกเลี่ยงความผิดพลาด จากความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหาย และความรู้สึกเสียเปรียบในภายหลัง เนื่องจากการเงิน โดยเฉพาะการกู้ยืมเงินนั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และมีช่องว่างอยู่ไม่น้อย การป้องกันไว้ก่อน ด้วยการรอบรู้ จึงย่อมดีกว่าการต้องเผชิญกับปัญหาที่ไม่คาดคิดในภายหลัง

 

(13.8.2560)

 

 



Siirry alkuun