ประกันชั้น 2 พลัส

ประกันภัยรถยนต์ประเภท 2 plus หรือ ประกันชั้น 2 พลัส คืออะไร 

ประกันรถยนต์ประเภท 2 plus หรือที่เรียกอีกอย่างว่า ประกันชั้น 2 พลัส หรือ เขียนกันสั้น ว่า ประกัน 2+ คือ ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจประเภท 2 ที่มีความคุ้มครองเพิ่มเติม แยกออกจากสัญญาหลักที่ให้ความคุ้มครองความรับผิดชอบต่อความเสียหาย ทรัพย์สิน และชีวิต ร่างกายของบุคคลภายนอก หากยังคงให้ความคุ้มครองในความเสียหายต่อตัวรถยนต์คันเอาประกันภัยในวงเงินจำนวนหนึ่ง มีเงื่อนไขความรับผิดชอบความเสียหายต่อทรัพย์สิน ในกรณีเมื่อเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ของผู้เอาประกันชนกับยานพาหนะทางบก ดังนี้

ความรับผิดชอบต่อการสูญหาย และไฟไหม้ของตัวรถยนต์ 

 

ประกันภัย 2 พลัส หรือประกัน 2 พลัส ต่างจากประกันภัย ชั้น 2 แบบธรรมดา อย่างไร

ประกัน 2 พลัส

ประกันภัยประเภท 2 พลัส หรือประกัน 2 พลัส จะมีความคุ้มครองเหมือนกับการประกันภัยรถยนต์ประเภท 2 ธรรมดา แต่มีความเหมือนที่แตกต่างกันเล็กน้อยดังนี้

  1. ประกัน 2 พลัส ให้ความคุ้มครองกับ ทรัพย์สิน ชีวิต ร่างกายและอนามัยของบุคคลเหมือนกับประเภท 2 ธรรมดา แค่คุ้มครองรถยนต์คันเอาประกันภัยในวงเงินจำกัด ซึ่ง มีวงเงินน้อยกว่าประกันประเภท 1 และรับผิดชอบก็ต่อเมื่ออุบัติเหตุที่เกิดขึ้น เป็นอุบัติเหตุที่รถยนต์ของผู้เอาประกันไปชนกับยานพาหนะอื่น ทางบก เท่านั้น ทั้งนี้ หากรถยนต์ของผู้เอาประกัน ไปชนกับกำแพง รั้ว ชนคน ชนสัตว์ ชนประตู กระจกหน้ารถโดนก้อนหินกระเด็นใส่แล้วแตกร้าว รวมถึงรถคว่ำ เหล่านี้ หากเกิดขึ้น จะไม่ได้รับความคุ้มครอง
  2. ในการชนยานพาหนะทางบก ผู้เอาประกัน (หมายรวมถึงผู้ขับขี่ที่ได้รับความยินยอมจากผู้เอาประกันภัยให้ขับขี่รถได้) เป็นฝ่ายผิดแล้ว ผู้เอาประกันจุต้องรับผิดชอบความเสียหายส่วนแรก 2,000 บาท/ ครั้ง ด้วย ซึ่งหมายความว่า เบี้ยประกันภัยที่แท้จริง มิใช่ราคาที่เรียกเก็บ แต่เป็นราคาที่เรียกเก็บหลังหักเงื่อนไขค่าเสียหายส่วนแรกจำนวน 2,000 บาทไว้แล้ว ดังนั้น เบี้ยประกันภัยที่แท้จริงจึงอยู่ที่ประมาณ 6,800 + 2,000 บาท รวมเป็น 8,800 บาท ใกล้เคียงกับเบี้ยประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 ที่บางคัน มีเบี้ยประกันภัย 12,000 – 15,000 บาท โดยหากหักค่าเสียหายส่วนแรกที่รวมไปแล้ว 2,000 บาท ก็จะเหลือ 10,000 – 13,000 บาท โดยประมาณ หากแต่ผู้เอาประกันจะได้รับความคุ้มครองสูงกว่า 

 

แล้วประกันภัยประเภท 2 พลัส หรือ ประกัน 2 พลัส เหมาะสำหรับใคร

  1. ผู้ที่มีความสามารถในการจ่ายเงินจำนวนน้อยเพื่อการประกันภัยรถยนต์ แต่ต้องการความคุ้มครองเพิ่มเติมจากเดิม ใช้รถน้อย และมีความเสี่ยงในการเกิดการชนกับยานพาหนะทางบก เช่น รถยนต์ หรือจักรยานยนต์ และการสูญหาย ไฟไหม้
  2. รถยนต์ที่มีอายุเกิน 10 ปี และบริษัทประกันภัยมักไม่รับทำประกันให้ แต่ยังต้องการความคุ้มครองความเสียหายอันอาจจะเกิดขึ้น (บริษัทประกันบางแห่งรับทำประกันภัยให้รถยนต์ถึง 12 หรือ 15 ปี เท่านั้น) 

 

(7.12.2560)

 

 



Siirry alkuun