ซื้อประกันชีวิต 7 ข้อควรรู้ก่อนการตัดสินใจ

ซื้อประกันชีวิต 7 ข้อควรรู้ก่อนการตัดสินใจ

ซื้อประกันชีวิตจะดีจริงไหม สามารถคุ้มครองชีวิตได้ครอบคลุมหรือไม่ ในปัจจุบันค่าใช้จ่ายในการทำประกันชีวิตประเภทต่างๆได้ลดลงเป็นอย่างมาก จึงส่งผลให้ความนิยมในการทำประกันเพิ่มสูงขึ้นจากอดีต แต่ทั้งนี้ก็ยังคงมีอีกหลายคำถามที่เป็นข้อกังขาคาใจ ดังนั้นในบทความนี้จึงจะนำเสนอข้อควรรู้พื้นฐานก่อนการซื้อประกันชีวิตเพื่อให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจได้ง่าย และก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด

 

1. การประกันชีวิตพื้นฐานมีกี่ประเภท อะไรบ้าง

การประกันชีวิตพื้นฐานสามารถแบ่งได้เป็น 4 ประเภทด้วยกัน คือ แบบตลอดชีพ ผู้เอาประกันจะได้รับผลประโยชน์เมื่อเสียชีวิต, แบบสะสมทรัพย์ ผู้เอาประกันจะได้รับเงินคืนเมื่อออมจนถึงกำหนด หรือเสียชีวิตลงภายในระยะเวลาประกันภัย, แบบชั่วระยะเวลา คือบริษัทจะจ่ายเงินคุ้มครองเมื่อผู้เอาประกันเสียชีวิตในระยะเวลาประกันภัยและจะไม่มีเงินเหลือคืนหากผู้เอาประกันอยู่จนครบกำหนดสัญญา และแบบเงินได้ประจำ คล้ายบำนาญโดยระยะเวลาในการจ่ายเงินได้ประจำจะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่ผู้เอาประกันได้กำหนดไว้

2. จ่ายเบี้ยประกันปีละเท่าไหร่ดี

การจ่ายเบี้ยประกันขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น อาชีพ, รายได้ และภาระความรับผิดชอบ แต่ทั้งนี้สำหรับเบี้ยประกันภัยรายปีที่แนะนำนั้นควรมีสัดส่วนอยู่ที่ 10 - 20% ของเงินเดือน โดยกำหนดเป็นเดือนใดเดือนหนึ่งในรอบปี เพื่อที่จะบริหารจัดการกับค่าใช้จ่ายอื่นๆได้อย่างเป็นระบบ สำหรับวงเงินคุ้มครองควรกำหนดเป็นเท่าของเงินเดือน หรือเป็นช่วงเวลาที่ไม่อาจทำงานได้ โดยควรมองว่าการซื้อประกันเป็นการลงทุนเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่คาดไม่ถึง ส่วนวงเงินคุ้มครองและประเภทจะขึ้นอยู่กับเป้าหมายของผู้จ่ายเบี้ยประกันนั้น

3. ควรทำประกันประเภทใดก่อนสำหรับผู้ที่มีรายได้ไม่มาก

ควรเริ่มจากประกันชีวิตแบบการออมที่มีความคุ้มครองระยะยาว ซึ่งเป็นแบบประกันที่มีเบี้ยประกันค่อนข้างต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่มีรายได้น้อย หรือผู้ที่เพิ่งเริ่มทำงาน หากมีสวัสดิการพนักงานหรือประกันสังคมก็ยังไม่จำเป็นในการทำประกันภัยสุขภาพประเภทอื่น

4. ควรทำประกันประเภทใดสำหรับสะสมไว้ใช้ในบั้นปลาย

ควรเลือกแบบประกันที่มีระยะยาวตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป หรือประกันที่มีรูปแบบการจ่ายผลตอบแทนหลังเกษียณ โดยอาจเป็นการคืนเงินเป็นก้อนเดียว หรือทยอยคืนในรูปแบบคล้ายเงินบำนาญ

5. ประกันประเภทไหนสามารถเคลมภาษีได้
ประกันที่สามารถนำมาเคลมภาษีได้นั้นจะต้องเป็นประกันที่มีอายุกรมธรรม์ตั้งแต่ 10 ปีเป็นต้นไป ที่จะสามารถนำเบี้ยที่ชำระไปหักลดหย่อนภาษีได้ทุกปีที่มีการจ่ายค่าเบี้ยประกันปีละไม่เกิน 100,000 บาท

6. ควรทำอย่างไรหากไม่สามารถชำระเบี้ยประกันต่อไปได้

 ถือเป็นกรณีที่เกิดขึ้นค่อนข้างมากที่ผู้เอาประกันมีปัญหาทางการเงินทำให้ไม่สามารถชำระเบี้ยประกันต่อไปได้ ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 3 ข้อแนะนำด้วยกัน ข้อแรกคือผู้เอาประกันสามารถขอรับเงินสดคืนได้ตามจำนวนที่ระบุไว้ในสัญญา และกรมธรรม์นั้นจะถือว่าสิ้นสุดในทันที, ข้อสอง ผู้เอาประกันสามารถเปลี่ยนมูลค่าเงินเอาประกันภัย โดยจำนวนเงินเอาประกันภัยจะลดลงแต่ระยะเวลาคุ้มครองจะคงอยู่ตามเดิม, ข้อสาม ผู้เอาประกันขอเปลี่ยนเป็นมูลค่าขยายเวลา โดยกรณีนี้เงินเอาประกันภัยจะเท่าเดิม แต่ระยะเวลาคุ้มครองจะเปลี่ยนไปตามตารางมูลค่าขยายเวลาที่แนบอยู่ท้ายกรมธรรม์ประกันภัย

7. การเตรียมความพร้อมก่อนการทำประกันชีวิต
ก่อนการตกลงซื้อประกันชีวิตผู้เอาประกันควรมีการเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อให้ประกันสามารถตอบสนองความต้องการของผู้เอาประกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยผู้เอาประกันควรกำหนดความคุ้มครองที่ต้องการให้ดีเสียก่อน จากนั้นจึงทำการตรวจเช็คสุขภาพของตนเองให้ดี เพื่อป้องกันการถูกลดทอนสิทธิจากบริษัทประกันในกรณีที่ผู้เอาประกันมีโรคประจำตัว หรือสุขภาพไม่แข็งแรง

จากข้อมูลข้างต้นผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะช่วยทำให้ผู้อ่านสามารถตัดสินใจเลือกประกันภัยที่ดีให้แก่ตนเองและครอบครัวได้ แต่ทั้งนี้ก่อนการทำประกันทุกชนิดผู้เอาประกันควรศึกษาข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมรวมไปถึงสัญญาให้ถี่ถ้วน และควรทำการเปรียบเทียบความคุ้มครองให้ดีเสียก่อน เพื่อให้ประกันสามารถคุ้มครอง และครอบคลุมความต้องการของผู้เอาประกันได้ครบทุกด้านตามที่ตั้งใจ

 

(5.12.2560)

 

 



Siirry alkuun